ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ โรงเรียนวัดเขาปิ่นทอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 1
วันที่ 29 กันยายน 2023 12:09 AM
b-school03
logo-cโรงเรียนวัดเขาปิ่นทอง

เพื่อน

อัพเดทวันที่ 15 ตุลาคม 2020 เข้าดู ครั้ง

เพื่อน เราเเค่อยากมี

         เพื่อน ณ โรงเรียนประถมชื่อดังเเห่งหนึ่ง เเชมป์เป็นเด็กชายวัย 10 ขวบที่เข้าศึกษาในโรงเรียนเเห่งนี้ เขาเป็นเด็กผู้ชายที่มีรูปร่างค่อนข้างใหญ่ทำให้เพื่อนๆภายในห้องต่างเรียกเขาว่า “พี่เเชมป์”
เเต่นิสัยของเขาออกเเเนวเกเรเเละชอบใช้ความรุนเเรงกับเพื่อนที่ตัวเล็กกว่าหรือเพื่อนที่ไม่ยอมฟังคำสั่งของตัวเองทำให้เพื่อนๆภายในห้องให้ความเคารพเเละหวาดกลัวเขาเป็นอย่างมาก

“เห้ย!! เอาการบ้านมาลอกหน่อยดิวะ”

         เเชมป์มักจะขู่เพื่อนให้ส่งการบ้านให้ลอกให้ทุกรายวิชาเเละถ้าหากใครไม่ให้ลอกเขาก็จะใช้ความรุนเเรงกับเพื่อนๆทันที จึงทำให้บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยคงามหวาดกลัว
ไม่มีเพื่อนคนไหนกล้าเข้ามาคุยหรือมาเล่นกับเขา

         เเชมป์รู้สึกเหงาเเละโดดเดี่ยว เขาเดินไปกินข้าวคนเดียว นั่งคนเดียว เเละทำกิจกรรมต่างๆเพียงคนเดียวถ้าเขาไม่เข้าไปหาเรื่องหรือเข้าไปขู่เพื่อน ก็จะไม่มีเพื่อนคนไหนเข้ามาเล่นกับเขาเลย

“เเชมป์ ที่โรงเรียนเป็นไงบ้าง”

         เเม่ถามเเชมป์ด้วยคำถามที่ไม่เคยถามมาก่อนทำให้เเชมป์สงสัยเเละเกิดคำถามว่าทำไมจู่ๆเเม่จึงถามเขาเเบบนั้น

“เเม่ถาม ทำไมไม่ตอบ”

         เเม่ถามคำถามกดดันทำให้เเชมป์จำเป็นต้องตอบออกไปเพื่อให้เเม่หายสงสัยเเละจะได้หยุดถามคำถามเเบบนี้กับเขาเสียที

“ก็ไม่ได้เป็นไง สนุกดีครับ”

         เเชมป์ตอบเเม่ไปด้วยน้ำเสียงเเละสายตาที่เลิ่กลั่กดูเหมือนกำลังปิดบังอะไรไว้อยู่เมื่อเเม่ได้ยินคำตอบของเเชมป์เเม่ก็ตอบกลับมาทันทีว่า

“ดี สนุกก็ดีเเล้ว มีไรก็บอกเเม่นะเเละที่สำคัญ อย่าโกหกเเม่เด็ดขาด”

         หลังจากที่เเม่พูดจบเเม่ก็เดินขึ้นห้องไป เเละไม่มีท่าทีหรือไม่เเสดงสีหน้าอะไรออกมาเลยทำให้เเชมป์ไม่สามารถรู้ความรู้สึกของเเม่ในตอนนั้นว่าเเม่กำลังคิดอะไรอยู่กันเเน่

         เเม่ของเเชมป์ทำงานหนักจนบางทีก็ไม่มีเวลามาอยู่ดูเเลลูกตัวเอง ทำให้เเชมป์เเทบจะไม่ได้รับความรักหรือความอบอุ่นใดใดจากเเม่เลย ส่วนพ่อของเเชมป์ก็ไปทำงานที่ต่างประเทศกว่าจะกลับมาประเทศไทยก็ใช้เวลานานประมาณ 3 ปีเเชมป์ต้องอยู่เเละดูเเลตัวเองให้ได้นั้นจึงเป็นเหตุผลที่เขาทำเป็นเก่งทำให้ทุกคนเห็นว่าเขาเข้มเเข็งเเละน่ากลัว เเค่ไหนเเต่ในความเป็นจริงเเล้วเขาต้องการความรักความอบอุ่นความเอาใส่ใจจากครอบครัวเเละคนรอบข้าง

         เขาต้องการที่จะมีเพื่อนมีสังคมมีความสุขเหมือนเด็กคนอื่นๆทั่วไป เเต่ด้วยความที่เขาไม่รู้ว่าต้องปรับตัวอย่างไรให้เข้ากับเพื่อนๆได้ เเละเขาก็ไม่ค่อยได้รับการอบรมจากผู้ปกครองว่าสิ่งไหนควรทำหรือว่าสิ่งไหนที่ไม่ควรทำ

เพื่อน เราเเค่อยากมี

“เห้ย!!!! ไอ้คนนั้นอ่ะเอาขนมมากินหน่อยดิ”

         เเชมป์ทักทายเพื่อนใหม่ที่พึ่งย้ายเข้ามาในห้องโดยการเข้าไปขอขนมจากเพื่อนเเละทำท่าทางเหมือนจะเข้าไปทำร้าย เพื่อนใหม่ที่พึ่งเข้ามาเขาไม่รู้ว่าเเชมป์นิสัยเป็นยังไงเเต่ ณ เวลานั้นเชาไม่ชอบการกระทำของเเชมป์เอาเสียเลย

“จะขอขนมคนอื่นกิน พูดดีดีไม่เป็นหรอ”

         เด็กใหม่ถามเเชมป์ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีนัก ทำให้ทั้งสองคนนี้เป็นจุดสนใจของคนในห้อง เมื่อเเชมป์ได้ยินเด็กใหม่ตอบกลับเเบบนั้นเขาจึงรู้สึกเสียหน้าเเละโกรธเอามากๆ
เขาเดินเข้าไปใกล้ๆเด็กใหม่เเละกระชากเสื้อขึ้นมาพร้อมกับพูดว่า

“เองคิดว่าเองเป็นใครวะ อยากลองดีหรอ”

“เเล้วคิดว่าตัวใหญ่เเละจะมาข่มใครก็ได้หรอวะ”

         เเชมป์โกรธมากจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เขาจึงต่อยหน้าเด็กใหม่คนนั้นเเละเด็กใหม่คนนั้นกับเขาก็ต่อยกันจนคุณครูวิ่งเข้ามาห้ามเเละเรียกผู้ปกครองของทั้งคู่มาคุยเด็กใหม่คนนั้นได้รับบาดเเผลค่อนข้างมากในขณะที่เเชมป์รอยเเผลเพียงเล็กน้อย เมื่อผู้ปกครองของเด็กใหม่คนนั้นมาเห็นเขาก็โวยวายว่าลูกตนเองถูกทำร้ายร่างกายเเละบอกว่าจะเอาเรื่องเเชมป์ให้ถึงที่สุด

         เมื่อถึงเวลาตามหาคนผิดหรือคนที่เริ่มก่อนคุณครูก็ให้ทั้งสองเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟังเเต่ทั้งสองกลับเล่าไม่ตรงกันซึ่งมันจะต้องมีคนใดคนหนึ่งที่ไม่ได้พูดความจริง

“เเชมป์ เล่าเรื่องให้ครูฟังว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงไปต่อยหน้าเพื่อน อย่าโกหกนะ”

         เเม่พูดกับเเชมป์ด้วยน้ำเสียงที่เข้มเเละดุ ทำให้เเชมป์จำเป็นต้องพูดมันออกไป

“ก็ผมขอเพื่อนกินขนมดีๆเเล้ว เพื่อนสนิท ไม่ยอมให้กินเเล้วยังมาพูดจาอวดดีใส่อีก ตอนเเรกผมจะไม่ทำอะไรเเต่เพื่อนดันต่อยหน้าผมก่อน ผมเลยต้องต่อยกลับเพื่อเป็นการป้องกันตัว”

         เมื่อคุณครูได้ยินเเบบนั้นจึงสับสนว่าใครกันเเน่ที่เป็นฝ่ายก่อเรื่องเพราะทั้งสองก็ต่างเล่าให้ตนเองถูก
คุณครูจึงเรียกเพื่อนในห้องมาเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังเเล้วก็พบว่าเเชมป์พูดโกหก
เเละเเชมป์เป็นฝ่ายผิดที่เข้าไปต่อยหน้าเพื่อนก่อน

         เมื่อเเม่เเชมป์ได้ยินจึงรีบให้เเชมป์ขอโทษเพื่อน จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ผู้ปกครองของเด็กใหม่
เเละพาตัวเเชมป์ กลับมาคุยกันที่บ้านเเม่โมโหเเละโกรธเเชมป์เพราะเเม่ไม่เคยสอนให้เเชมป์เป็นคนเเบบนี้เขาจึงพูดตะคอกใส่เเชมป์ไปว่า

“เเม่บอกเเล้วใช่ไหม ว่าอย่าโกหก!!!”

         เเม่ตีเเชมป์ด้วยไม้เเขวนเสื้อพร้อมกับถามเเชมป์ว่า

“เป็นยังไงเจ็บไหม กลัวไหม เพราะที่เราทำกับเพื่อน เพื่อนก็เจ็บเเละกลัวไม่ต่างจากเรา เเม่ไม่เคยสอนให้เป็นคนเเบบนี้นะ ไปเอานิสัยเเย่ๆเเบบนี้มาจากใครกัน”

“ใช่ เเม่ไม่เคยสอนให้เป็นเเบบนี้ เเม่ไม่เคยสอนอะไรให้เเชมป์ถ้าเเชมป์ไม่ทำเเบบนี้เพื่อนๆจะยอมคุยกับเเชมป์หรอ เเม่ไม่รู้หรอกว่าที่โรงเรียนเเชมป์เป็นยังไงบ้าง ก็ถ้าเเชมป์ทำตัวอ่อนเเอเเชมป์ก็จะโดนพวกมันรุมเเกล้งไงล่ะ เเชมป์ก็ต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเองสิ เเล้วใครจะไปรู้ล่ะว่าเป็นคนเเบบนี้เเล้วจะไม่มีเพื่อนคบ”

         เเชมป์ร้องไห้เเละพูดอธิบายเรื่องทุกอย่างให้เเม่ฟังทำให้เเม่เข้าใจเเละเอาใจใส่เเชมป์มากขึ้น เเชมป์พยายามปรับตัวเเละพยายามพูดจาดีๆกับเพื่อนๆจนทำให้ตอนนี้เเชมป์ก็สามารถใช้ชีวิตในโรงเรียนได้
อย่างมีความสุข เเละเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “เราจะไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เราทำมันผิด จนกว่ามันจะผิดจะกลายเป็นบทเรียนให้เเก่ตัวเราเอง”

นานาสาระ ล่าสุด