
สถานที่ที่คิดถึง สนามเด็กเล่นในวัยเด็ก สนามเด็กเล่นเป็นสถานที่ที่เด็กหลายๆคนคุ้นเคยเพราะมันคือสถานที่ที่ทั้งสนุกและมีความสุขทุกครั้งที่ได้ไป ที่สำคัญสนามเด็กเล่นยังเป็นที่เก็บนาขึ้นไปในทุกๆวันจนทำให้บางทีเกือบลืมไปแล้วว่าเคยผ่านช่วงวัยอะไรมาบ้างความทรงจำในวัยเด็กอีกมากมายซึ่งเราไม่รู้เลยว่าเราจะสามารถมีความสุขแบบตอนนั้นได้อีกสักกี่ครั้งชีวิตของเราโตและพัฒ
เรื่องราวของชายคนหนึ่งที่หวนคิดถึงวันวานในวัยเด็กทำให้เขาอยากจะนำเรื่องราวนี้มาเล่าให้ลูกหลานฟังว่าตอนที่เขาอยู่ในวัยเด็กนั้นเขามีความสุขและสนุกมากแค่ไหนโดยเขามีชื่อว่า กิตติพล หรือเรียกเขาสั้นๆว่า ลุงพล
“เด็กๆวันนี้ลุงจะมาเล่าเรื่องวัยเด็กให้ฟังอยากฟังกันไหม”“อยากฟังค่ะ อยากฟังเรื่องของลุงพลค่ะ”
ลุงพลประกอบอาชีพเป็นคนขายไอติมที่สนามเด็กเล่นเขาจะคลุกคลีกับเด็กๆเป็นพิเศษเพราะเขามักจะมาขายไอติมในทุกๆเย็น เด็กๆที่นั่นต่างรู้จักและให้ความเคารพลุงพลเป็นอย่างยิ่งเพราะลุงพลเป็นคนที่มีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือเด็กๆและเป็นคนที่ตลก ทำให้เด็กๆทุกคนตั้งตารอลุงพลมาขายไอติมในตอนเย็นและพูดคุยกับลุงพลอย่างสนุกสนาน
“ลุงพลคะ เรื่องราวในวัยเด็กของลุงพลเป็นยังไงคะหนูอยากฟังจังเลยค่ะ”“ใช่ครับ ผมก็อยากฟังลุงพลช่วยเล่าให้พวกผมฟังหน่อยได้ไหมครับ”“แต่ก่อนลุงก็เป็นเด็กที่ดื้อและซุกซนเหมือนพวกเราแต่ว่า สถานที่ที่ลุงรักและชอบมามากที่สุดก็คือสนามเด็กเล่นมเพราะบ้านของลุงอยู่ติดกับสนามเด็กเล่น หลังเลิกเรียนลุงจะมาเล่นที่นี่กับเพื่อนๆ แต่ว่ามีอยู่เรื่องหนึ่งที่ลุงจำแล้วไม่เคยลืมนั่นก็คือเหตุการณ์ครั้งนั้น”
เมื่อลุงพลเกรินเรื่องจบลุงพลก็เล่าเรื่องราวว่า ในวันนั้นลุงพลและเพื่อนๆมาเล่นสนามเด็กเล่นกันปกติแต่ลุงพลดันพบกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่มาเล่นสนามเด็กเล่นเพียงคนเดียวลุงพลเห็นว่าเขานั่งเหงาอยู่เพียงคนเดียวลุงพลจึงเดินเข้าไปทักทายแต่สิ่งที่ตอบกลับมาคือ เขาได้เดินหนีลุงพลไปโดยที่ไม่ตอบอะไรเลย เมื่อลงพลเห็นแบบนั้นลุงพลและกลุ่มเพื่อนจึงไม่พอใจลุงพลจึงเข้าไปรุมแกล้งเด็กคนนั้นจนทำให้เด็กคนนั้นร้องไห้และวิ่งกลับบ้านไปหาแม่
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นก็เกิดเรื่องราวขึ้นเพราะว่าแม่ของเขาจะมาเอาเรื่องลุงพลและเพื่อนๆ จึงทำให้หลายๆครอบครัวต่างวุ่นวายไปหมด กว่าจะคุยกันลงตัวก็ใช้เวลาหลายวันแต่สุดท้ายก็สามารถคุยกันอย่างลงตัวได้เพราะเนื่องจากเด็กคนนั้นกล่าวขอโทษ เมื่อลุงพลเห็นแบบนั้นลุงพลจึงรู้สึกผิดเเละรีบกล่าวขอโทษคืนไปทำให้ลุงพลและเด็กคนนั้นเข้าใจกันและเป็นเพื่อนกันมาจนถึงทุกวันนี้
เด็กคนนั้นก็คือ “ลุงแซม” เพื่อนของลุงพลที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว
“แล้วลุงแซมเป็นคนยังไงหรอคะ”
เสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งได้ถามขึ้น ลุงพลจึงเล่าต่อไปว่าลุงแซมเป็นคนที่มีน้ำใจมากและชอบช่วยเหลือเพื่อน ในตอนแรกลุงพลกับลุงแซมก็ไม่ค่อยถูกกันสักเท่าไหร่ เพราะด้วยลุงแซมเป็นคนที่นิ่งๆและไม่ค่อยชอบเข้าสังคมกับใครจึงทำให้ลุงพลเองก็ไม่ค่อยเข้าใจแต่เมื่ออยู่กันไปอยู่กันมาลุงแซมและลุงพลก็กลายเป็นเพื่อนที่สนิทกันที่สุด สนามเด็กเล่นเป็นพื้นที่เก็บความทรงจำดีๆของลุงพลและลุงแซมไว้มากมาย ทุกครั้งที่ลุงพลมองไปที่สนามเด็กเล่นลุงพลก็จะนึกถึงลุงแซมนึกถึงบรรยากาศเก่าๆนึกถึงเรื่องราวที่มันเคยเกิดขึ้นในอดีตที่ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้
ในช่วงวัยนั้นลุงพลเล่าว่าเป็นช่วงวัยที่มีความสุขที่สุดในชีวิต เพราะไม่ต้องมารับรู้ปัญหาความเครียดหรือปัญหาชีวิตต่างๆปัญหาในตอนนั้นของลุงพลก็คือทำการบ้านไม่เสร็จ กินเผ็ดไม่ได้ เปิดขวดน้ำไม่เป็นทะเลาะกับแม่เพราะไม่อยากไปโรงเรียนหรือปัญหาต่างๆที่หากเปรียบเทียบกับเมื่อเราโตขึ้นปัญหาพวกนี้เป็นเพียงแค่ฝุ่นละอองหรือเศษเสี้ยวเล็กๆเพียงเท่านั้น
“ลุงพลเล่าเรื่องสนุกจังเลยครับวันหลังมาเล่าให้พวกผมฟังอีกเยอะๆนะครับ ผมอยากฟังประสบการณ์ชีวิตของลุงพล”“ได้สิ ไว้วันหลังลุงจะมาเล่าให้ฟังนะ”“ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้ลุงพลอยากจะแก้ไขอะไรหรอคะ”
เด็กหญิงคนหนึ่งเอ่ยถามลุงพลขึ้น ลุงพลจึงตอบกลับไปว่า
“ลุงไม่อยากแก้ไขอะไรแต่ลุงอยากจะหยุดช่วงเวลาในช่วงนั้นไว้อยากจะทำยังไงก็ได้ให้เวลาในช่วงนั้นมันยาวนานที่สุดแค่คิดก็สนุกมากแล้ว แต่ตอนนี้ลุงก็ทำได้แค่คิดเพราะลุงโตขึ้นมาผ่านชีวิตมาเยอะผ่านอะไรมาเยอะลุงจึงไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ ลุงอยากจะสอนพวกเราว่า หากตอนนี้มีเวลาอยู่ควรใช้เวลาอย่างเต็มที่ หากตอนนี้กำลังมีความสุขอยู่ควรซึมซับความรู้สึกนี้อย่างเต็มที่ ลุงอยากให้เราใช้ชีวิตในช่วงวัยนี้ให้มีความสุขที่สุดเพราะหากเราโตขึ้นเราจะพบว่าความสุขหาได้ยากและความทุกข์ก็อาจจะเข้ามาได้ง่ายด้วยอะไรหลายๆอย่าง ลุงอิจฉาพวกเราที่ได้เป็นเด็กมีรอยยิ้มร่าเริงสดใสในทุกๆวัน อย่าลืมที่ลุงบอกใช้ชีวิตในช่วงวัยนี้อย่างคุ้มค่า”
เมื่อลุงพลเล่าเรื่องจบลุงพลก็ให้ข้อคิดกับเด็กๆที่มาฟังว่า มีเวลาควรใช้เวลาให้คุ้มค่าเพราะเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เราไม่มีทางรู้เลยว่าภายในวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง หากตอนนี้เรามีความสุขเราควรซึมซับความสุขเอาไว้ การเป็นเด็ก อาจเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่หลายๆคนอิจฉา เพราะผู้ใหญ่หลายๆคนก็อยากจะย้อนกลับมาเป็นเด็กเหมือนกับลุงพลที่มีความทรงจำเกี่ยวกับสนามเด็กเล่น เมื่อมองมาทีไรภาพในวันวานก็จะย้อนกลับมาเสมอและผู้ใหญ่หลายๆคนก็จะมีภาพจำของสนามเด็กเล่นที่แตกต่างกัน แต่ใจความสำคัญแล้วมันคือ ความสุขในวัยเด็กที่เมื่อโตขึ้นเราจะไม่สามารถย้อนเวลากลับมาได้เลย เมื่อเด็กๆได้ฟังเรื่องราวของลุงพลแล้ว เด็กๆก็ได้ข้อคิดและความเพลิดเพลินกลับบ้าน ลุงพลได้แต่หวังว่าเรื่องราวและประสบการณ์ที่ลุงพลเล่า จะทำให้เด็กๆสามารถคิดได้ว่า ควรใช้เวลาให้คุ้มค่ามากที่สุด